ภาวะ หัวใจหยุดเต้น กะทันหันขณะออกกำลังกาย หลอดเลือดหัวใจตีบ

 

หลอดเลือดหัวใจตีบ

ภาวะ หัวใจหยุดเต้น กะทันหันขณะออกกำลังกาย จากโรค หลอดเลือดหัวใจตีบ เฉียบพลันที่ซ่อนอยู่ไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าวการเสียชีวิตของนักวิ่งหรือนักกีฬาอื่น ๆ ที่เกิดจากหัวใจหยุดเต้นกะทันหันและหัวใจวาย ซึ่งร้อยละ 50 ของคนกลุ่มนี้ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่ามีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซ่อนอยู่

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เฉียบพลันอาจแสดงมากขึ้นในขณะที่หัวใจต้องทำงานหนัก อย่างเช่นระหว่างออกกำลังกาย หรือแม้แต่การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นบันได มีเพศสัมพันธ์ ออกแรงยกของ ตกใจ หรือแม้แต่หลังการออกกำลังกายก็สามารถเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันได้ ดังนั้นการตรวจคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
 

การตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจก่อนออกกำลังกาย มีวิธีตรวจดังนี้ คือ

1. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าการวิ่งสายพาน แต่จะไม่สามารถแสดงผลได้หากมีอาการตีบเพียงเล็กน้อยและหัวใจยังสูบฉีดเลือดได้ดี

2. ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือดหัวใจ  อาจพิจารณาทำในบุคคลที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจสูงมาก เช่น คำนวณความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจและหลอดเลือดในระยะเวลา 10 ปีของท่านแล้วมากกว่า 10% หรือมีประวัติในครอบครัว หรือมีภาวะไขมันโลหิตสูงจากพันธุกรรม และต้องการออกกำลังกายแบบเข้มข้น
 

พิษจาก พาราเซตามอล ใครว่าธรรมดา

 พาราเซตามอล

พาราเซตามอล ในสมัยโบราณมีการใช้เปลือกต้นหลิว willow เป็นยาลดไข้ antipyretic และมีการค้นพบสารเคมีในเปลือกต้นหลิวคือ ซาลิซิน salicins ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นแอสไพริน aspirin ได้ นอกจากนี้ยังค้นพบว่าในเปลือกซิงโคนา cinchona มี ควินิน quinine ที่มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ได้ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้เป็นยารักษามาลาเรีย

ในปี ค.ศ. 1880 เกิดภาวะขาดแคลนต้นซิงโคนา จึงได้มีคนพยายามที่จะหาทางเลือกสำหรับยาลดไข้ จนมีการค้นพบยาลดไข้ตัวใหม่คือ
    • ปี ค.ศ. 1886 พบ อะซิตานิไลด์ (acetanilide)
    • ปี ค.ศ. 1887 พบ ฟีนาซิตีน (Phenacetin)

ขณะเดียวกันในปี ค.ศ. 1873 ฮาร์มอน นอร์ทรอป มอร์ส (Harmon Northrop Morse) ก็สามารถสังเคราะห์ พาราเซตามอล โดยปฏิกิริยารีดักชั่น พารา-ไนโตรฟีนอล (p-nitrophenol) กับดีบุกในกรดอะซิติก (acetic acid) แต่ก็ยังไม่มีการนำพาราเซตามอลมาใช้เป็นยาลดไข้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1893 ได้มีการตรวจพบพาราเซตามอลในปัสสาวะของผู้ที่ใช้ยาฟีนาซิตีน และยังค้นพบว่าอะซิตานิไลด์ จะถูกเปลี่ยนเป็นพาราเซตามอลในร่างกายก่อนจึงสามารถออกฤทธิ์ลดไข้ได้ในปี ค.ศ. 1899

เนื่องจาก พาราเซตามอล (paracetamol) หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เป็นยาบรรเทาอาการปวด (analgesics) ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองผนังกระเพาะอาหาร และการแข็งตัวของเลือดเหมือนยากลุ่มเอ็นเซด (non-steroidal anti-inflammatory  NSAIDs) เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หากใช้ในขนาดการรักษาปกติ ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้พิษสงของยานี้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เป็นเหตุให้ปริมาณการใช้ยาตัวนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พาราเซตามอลกลายเป็นยาประจำบ้านที่ขายดิบขายดี เป็นอะไรก็กินแต่พาราเซตามอล ปวดศีรษะ ไข้หวัด ก็พาราเซตามอล ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ก็พาราเซตามอล ยิ่งกว่านั้นบางรายปวดท้อง เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ก็กินพาราเซตามอล ซึ่งพาราเซตามอลก็คงไม่ได้ช่วยอะไร ทำได้แค่ให้สบายใจขึ้นเพราะได้กินยาแล้ว บ้างก็มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมไปหาหมอรักษากัน พลอยทำให้โรคที่เป็นลุกลามมากขึ้น ต้องเสียเงินรักษามากขึ้นโดยใช่เหตุ 

ทำไม ง่วง เหลือทนหลังรับประทานอาหาร

 ง่วง

คุณเคยสังเกตตัวเองบ้างมั้ยว่า บางวันคุณรู้สึกกระฉับกระเฉง ทำงานทำการได้มากมาย แต่บางวันกลับรู้สึกง่วง เหลือทนหลังรับประทานอาหาร  และอยากนอนหลับพับไปเลย นั่นอาจเกิดจากอาหารที่คุณรับประทานมา ขโมยพลังไปจากคุณ หากคุณคิดก่อนหยิบอาหารใส่ปากก็จะป้องกันอาการดังกล่าวได้
 

*กาแฟ  ดื่มกาแฟตอนเช้าโดยที่กระเพาะอาหารยังว่างเปล่าจะทำให้ ง่วง ได้ เพราะหลังจากดื่มกาแฟได้ 30 นาที กาเฟอีนจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่สมอง ส่งผลให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังสมองถูกสกัดกั้น แล้วความง่วงก็จะตามมา

*กล้วย  เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็ว ช่วยสลายความเครียด ฮอร์โมนเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินจากกล้วย จะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข แต่ถ้ารับประทานกล้วยมากเกินไปจ ะทำให้เราเกียจคร้านและไม่อยากขยับเคลื่อนไหวร่างกาย

*ช็อกโกแลต  สาร Phenylethylamine ในช็อกโกแลตจะทำให้ง่วงนอน ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนยาที่ช่วยให้นอนหลับ และถ้าหากมีโกโก้ในปริมาณสูงก็จะทำให้รู้สึกมีความสุข

อันตรายและปัญหาทั่วไปจากการดื่ม นม

 นม

คนไทยถูกบริษัทขายนมปลูกฝังความคิดว่านมวัวเป็นอาหารที่ดีเลิศ เด็กน้อยจะแข็งแรงตัวสูงและฉลาด ต้องดื่มนมวัว บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมวัวครับ
แต่ใช้น้ำจากอกแม่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ มากกว่า 30 ปี ที่คนไทยโดนหลอกจะด้วยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า นมวัวคืออาหารจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนจะขาดเสียไม่ได้

ไม่จริงหรอกครับ ก็แค่โปรตีนกะแคลเซียมในนม อาหารไทยๆของเราอย่างอื่นก็มีครับ
น่องไก่1ชิ้นมีโปรตีนมากกว่านม 1 กล่องครับ ไข่ไก่ 1ฟองหรือนมถั่วเหลือง 1กล่อง ก็มีโปรตีนพอๆกับนมวัว
1กล่องครับ แคลเซียมในปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กุ้งเสียบ มีมากกว่านมเป็น 10 เท่า

จากการศึกษาของรพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ พบว่าถ้าเทียบอัตราแพ้นมวัวเฉพาะในเด็กทารกกับทารกด้วยกันเองจะพบว่า ตัวเลขของอาการแพ้นมวัวมีมากถึง 50% ของทารกที่ดื่มนมวัว

แบลงก้า-มาเรียและคณะ พบว่า เด็กทารกที่มีคนในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้ หากดื่มนมวัวจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 20% แต่ถ้าดื่มนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว อัตราเสี่ยงต่อภูมิแพ้จะมีเพียง 0.5-1.5% เท่านั้น

ในอังกฤษ มีการศึกษาในเด็ก 1,456 คน พบว่าหากเด็กดื่มนมแม่นานกว่า 3 เดือน
เด็กจะป่วยด้วยโรคหอบหืด 10.3% หากดื่มนมแม่น้อยกว่านั้นจะเกิดหอบหืด 17.1%

มีงานวิจัยหลายสิบชิ้นตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ทั่วโลกยืนยันเรื่องการดื่มนมส่งผลต่อโรคภูมิแพ้
รวมทั้งงานวิจัยของ ศ.นพ.สุขสวัสดิ์ เพ็ญสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ท่านทดลองให้พลทหารไทยดื่มนม แล้วส่องกล้องดูลำไส้ ปรากฏว่าพลทหารเหล่านั้น
ต่างมีเยื่อเมือกลำไส้บวมหมดทั้ง 100% ของกลุ่มผู้รับการทดลอง

ถึงตอนนี้ท่านคงตั้งคำถามว่าอะไรในนมวัว ที่ทำให้เด็กแพ้ มีอย่างน้อย 2 อย่างครับ
คือ 1.โปรตีนในนมชื่อว่า เบต้าแล็กโตโกลบูลิน 2.น้ำตาลในนมที่เรียกว่า แล็กโตส

คำสอนจีนโบราณ คำคมเปลี่ยนชีวิต พิชิตความสำเร็จ

 

คำสอนจีนโบราณ

คำสอนจีนโบราณ คงจะดีหากเราได้เรียนรู้คำสอนของเหล่านักปราชญ์ผู้มองโลกอย่างแยบยล รวมถึงสุภาษิตจีนที่จะทำให้เรามีพลังใจและยังเป็นข้อคิดเตือนใจให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และนี้คือคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจพิชิตความสำเร็จ

ความรีบร้อนมักนำความผิดพลาดมาให้เสมอ

ผู้มีความเพียรอย่างแรงกล้า เท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

การกล่าววาจากระทบผู้อื่น เหมือนคมมีดกรีดหัวใจ

หญิงขี้เกียจกับเตียงที่อบอุ่นย่อมแยกจากกันยาก

เรื่องราวของครอบครัวไม่ควรแพร่งพรายออกนอกเรือน

คบหากันเพราะรูปโฉม ความงามร่วงโรย ความรักก็สลาย

เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการ ทั้งคู่ก็ย่อมไม่เกิดทะเลาะกัน

อยู่บ้านอาศัยพ่อ แต่งงานอาศัยสามี เมื่อเฒ่าอาศัยลูกหลาน

จงเอาความรักบุตรภรรยาไปมอบให้แก่บิดามารดา

ภรรยาเพื่อน อย่าได้รังแกล่วงเกิน

มารดาที่อบรมดีคนเดียวมีค่าเลิศเท่าครูร้อยคน

พันคนก็มีเรื่องทุกข์พันอย่าง แต่มีทุกข์ไม่เหมือนกันสักคน

ปัจจุบันละเลยเรื่องเล็กน้อย ภายหน้าเสียใจอย่างใหญ่หลวง

การพูดจาไม่รู้จักถ่อมตน ธุรกิจก็ยากที่จะประสบผล

คนที่ไม่มีรอยยิ้มแย้ม อย่าคิดเปิดทำกิจกรรมการค้า

คนต้องมีกิริยาสุภาพ ดุจดอกไม้ต้องมีกลิ่นหอม

ผู้ชอบทะเลาะวิวาท ย่อมมีมิตรน้อย

ความอัศจรรย์ของ ตัวเลข

ตัวเลข

ตัวเลข เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนจำนวน ซึ่งถูกคิดขึ้นมาก่อน เศษส่วนและทศนิยม

ประวัติของตัวเลขเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่มนุษย์รู้จัก "การเทียบสิ่งของด้วยวิธีหนึ่งต่อหนึ่ง" เช่น

เทียบสัตว์ 1 ตัว กับ นิ้วมือ 1 นิ้ว บรรพบุรุษของเราไม่มีตัวเลขแต่ก็รู้จักการนับ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่คุ้นเคยมักจะถูกนำมาเอามาใช้แทนจำนวนตัวเลข ที่นิยมมากที่สุด คือ นิ้วมือ เช่น นิ้วก้อยแทนหนึ่ง นิ้วนางแทนสอง

นิ้วกลางแทนสาม ศอกแทนแปด ไหล่แทนเก้า ไหปลาร้าแทนสิบ นอกจากนี้ยังมีการวาดรูปสัตว์ต่างๆ แทนจำนวนตัวเลขอีกด้วย แต่เมื่อความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนสินค้าเพิ่มขึ้น ความต้องการเกี่ยวกับตัวเลขก็มากขึ้นตามไปด้วย การนับโดยใช้นิ้วหรือสิ่งของมาแทนก็ไม่เพียงพอ วิธีการแก้ปัญหาในครั้งแรก คือ การใช้ปกเชือก ซึ่งอาจเรียกระบบปมเชือกนี้ว่าเป็นตัวเลขชุดแรกของมนุษย์ก็ได้
คนโบราณบางแห่งใช้ปมเชือกบันทึกจำนวน เช่น พวกอินคาในอเมริกาใต้ เขาใช้ปมชนิดหนึ่งแทนจำนวนหนึ่ง และให้ทุกคนท่องจำปมต่างๆ ให้เข้าใจตรงกันว่าเป็นจำนวนอะไร วิธีนี้มีชื่อว่า "กีปู"

บางทีเขาใช้กีปูในการบันทึกเหตุการณ์บางอย่างด้วยเช่นกัน

ส่วนเลขศูนย์นั้น กล่าวกันว่า เกิดขึ้นในอินเดีย แต่ยังมีความคิดเห็นที่ยังไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องเลขศูนย์นี้ว่าต้นกำเนิดเป็นสัญลักษณ์แทนอะไร บางคนว่าเป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ บางคนว่าเป็นสัญลักษณ์แทนภูติผีปีศาจ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ตาม การมีศูนย์นี้สำคัญมากสำหรับการพัฒนาตัวเลขที่เกิดขึ้นมาภายหลัง

ปัจจุบันตัวเลข 1,2,3,??. มีต้นกำเนิดในอินเดีย และมาแพร่หลายในยุโรปโดยผ่านชาวอาหรับ จึงมีชื่อเรียกว่า "ตัวเลขฮินดูอารบิก"


และนี้คือ ความอัศจรรย์ของ ตัวเลข

Singing icebergs ภูเขาน้ำแข็งร้องเพลง

 ภูเขาน้ำแข็งร้องเพลง

ภูเขาน้ำแข็งร้องเพลง ในปี 2005 นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์สำหรับการวิจัยขั้วโลก Alfred-Wegener-Institut  พบว่าภูเขาน้ำแข็งสามารถร้องเพลงได้ แม้ว่าความถี่ของเสียงเหล่านี้จะต่ำเกินไปสำหรับหูของมนุษย์ แต่ก็สามารถบันทึกเสียงที่เกิดจากภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ (30 x 50 กม.) ได้ที่สถานี Neumeyer ในแอนตาร์กติกา

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เสียงดังกล่าวเกิดจากการเคลื่อนที่ของน้ำในรอยแยกของภูเขาน้ำแข็งภายใต้ความกดดันสูง สิ่งนี้นำไปสู่การสั่นสะเทือนของผนังน้ำแข็ง ซึ่งการสั่นสะเทือนเหล่านี้คล้ายกับการเกิดภูเขาไฟปะทุ (volcanics) มาก ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถใช้การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเหล่านี้เพื่อการคาดการณ์เวลาที่ดีขึ้นของการปะทุของภูเขาไฟในอนาคต

ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลงใหลในภูเขาน้ำแข็งมาหลายปีแล้ว เพราะพวกมันสง่างามและลึกลับ การค้นพบล่าสุดหลายครั้งที่เกี่ยวกับพวกมัน มีความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษาชีววิทยาธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม แต่การค้นพบว่า Icebergs ร้องเพลงได้ก็เป็นอย่างหนึ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก

Mad as a hatter สารปรอท ที่เป็นพิษที่เกิดจากหมวกในศตวรรษที่ 18

 หมวก

การทำ หมวก ในศตวรรษที่ 18 และ 19 เป็นธุรกิจที่อันตราย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พิษจากสารปรอท

และถ้าต้องทำงานในห้องที่มีการระบายอากาศไม่ดี ช่างทำหมวกจะสูดดมควันปรอทจำนวนมากเข้าไป จนอาจทำให้สมองได้รับความเสียหายได้

มีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า การเป็นพิษจากสารปรอทในหมู่ช่างทำหมวกนั้น เป็นที่มาของสุภาษิตที่เรียกว่า “mad as a hatter” แม้แต่ตัวละครของ Hatter ในภาพยนตร์เรื่อง Alice's Adventures in Wonderland ที่สวมหมวกอันเป็นสัญลักษณ์ของ Lewis Carroll ก็ยังแสดงพฤติกรรมโรคจิตที่คล้ายกับคนที่ทุกข์ทรมานจากพิษของสารปรอท
 
ในการทำหมวกในฝรั่งเศสนั้น มีการนำปรอทมาใช้เป็นครั้งแรก โดยช่างทำหมวกจะเอาขนของสัตว์ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกระต่าย แล้วกดด้วยไอน้ำและน้ำร้อนเพื่อให้เส้นใยรวมตัวกันเป็นผืนผ้า ซึ่งชาวฝรั่งเศสค้นพบว่าการเติมเมอร์คิวริกไนเตรตจำนวนเล็กน้อยลงในน้ำร้อน จะทำให้ขนที่หยาบกร้านนั้นอ่อนนุ่ม ทำให้รวมตัวเป็นผืนได้ง่ายขึ้น

ซึ่งการใช้ไนเตรตเมอร์คิวริกเป็นความลับทางการค้าที่ได้รับการพัฒนาโดยชาว Huguenots แห่งฝรั่งเศส และไม่ได้รับการเปิดเผย จนกระทั่งชาว Huguenots ถูกบังคับให้หนีไปอังกฤษ ที่ต่อมาพวกเขาก็แบ่งปันความลับนี้ให้กับกลุ่ม hatter ชาวอังกฤษ
 

Ice volcano ปรากฏการณ์ ภูเขาไฟน้ำแข็ง

Ice volcano

 
ภูเขาไฟน้ำแข็ง Ice volcano รูปกรวยกลวงสูง 13.7 เมตร ที่มองเห็นเหมือนหอคอยน้ำแข็งขนาดยักษ์นี้ มีรูปร่างและลักษณะการเกิดคล้ายกับภูเขาไฟทุกอย่าง เพียงแต่โครงสร้างทั้งหมดของมันคือน้ำแข็ง โดยมันจะปรากฏขึ้นที่อุณหภูมิใกล้เยือกแข็ง หมายความว่าที่ราบในฤดูหนาวปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะหนา 

ซึ่งถ้าเป็นภูเขาไฟพอมีข่าวการปะทุ ผู้คนใกล้เคียงต่างเตรียมตัวอพยพหนีออกจากพื้นที่ แต่สำหรับภูเขาไฟน้ำแข็ง เมื่อข่าวแพร่ออกไปก็มีผู้คนจำนวนมากพากันไปดูการปะทุของมันอย่างใกล้ชิดด้วยความตื่นตาตื่นใจ  และถ่ายรูปและวิดีโอแชร์ลงในโซเชียลมีเดียกันอย่างคึกคัก แต่ที่น่าสนใจกว่าคือการเกิดของหอคอยน้ำแข็งขนาดยักษ์แห่งนี้


โดยขณะที่ ภูเขาไฟที่เกิดจากหินร้อนหนืดใต้เปลือกโลกปะทุขึ้นมาเป็นลาวาไหลทับถมเป็นภูเขารูปกรวย แต่ภูเขาไฟน้ำแข็ง เกิดจากน้ำพุร้อนใต้พื้นที่เป็นน้ำแข็งหนาได้ไหลพุ่งขึ้นสูงในอากาศ แต่ด้วยอากาศที่เย็นยะเยือกในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส ทำให้น้ำร้อนกลายเป็นน้ำแข็งทันทีเมื่อกำลังตกลงมา และทับถมซ้อนกันเป็นชั้นๆจนกลายเป็นคอหอยน้ำแข็งรูปกรวยสวยแปลกตา



สถานที่ ท่องเที่ยวเวียดนาม ที่มีอากาศบริสุทธิ์และมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์

เวียดนาม Vietnam เป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และมีอากาศดีติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ และหากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเวียดนาม ซึ่งมีอากาศบริสุทธิ์และมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ก็คงหนีไม่พ้นสถานที่ดังต่อไปนี้
 

ดาลัด Dalat

ดาลัด 

 
ดาลัด เป็นเมืองในจังหวัดเลิมด่ง ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร มีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 ถึง 25 องศาเซลเซียส สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในเมืองดาลัด ได้แก่ ทุ่งไฮเดรนเยีย (Garden Hydrangeas) และ DOHA CAFE เป็นต้น
 

หมีเซิน My Son

หมีเซิน



หมีเซิน เป็นโบราณสถานในจังหวัดกว๋างนาม ซึ่งอยู่ในภาคกลางของประเทศเวียดนาม หมีเซินสร้างด้วยศิลปะจามโบราณในสมัยศตวรรษที่ 4 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานสำหรับบูชาพระศิวะ ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู และเมื่อปี พ.ศ.2542 หมีเซินยังได้จัดให้เป็นแหล่งมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย
 

 

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง Ho Chi Minh City

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง


ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ถือเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ตรงบริเวณทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเวียดนาม และปัจจุบันนับได้ว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุต่างๆ ที่กระแสน้ำพัดมามาทับถมไว้ ซึ่งที่นี่สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง และแน่นอนว่าที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนามที่ต้องมาเยือน
 

 

ญาจาง Nha Trang

ญาจาง


ญาจาง เมืองท่องเที่ยวทางทะเล ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคั้ญฮหว่า ประเทศเวียดนาม เป็นเมืองที่ติดอันดับ 1 ใน 12 สถานพักตากอากาศริมหาดที่หรูที่สุดในโลก และความโดดเด่นของญาจางนอกจากทะเล ก็มีอาหารซีฟู้ดราคาถูก และสวนสนุกวินเพิร์ล แลนด์ นี่แหละที่น่าสนใจ ปัจจุบันญาจางยังเดินทางจากประเทศไทยได้ง่ายๆ ด้วยสายการบินที่ให้บริการ ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
 

 

ซาปา Sapa

ซาปา

การป้องกันอาการ ปวดหลัง ปวดหลังแบบไหนอันตราย

ปวดหลัง


ปวดหลัง อาการปวดหลังถ้าแบ่งตามช่วงเวลาของอาการ อาการปวดหลัง อาจเกิดแบบปวดฉับพลัน กึ่งเฉียบพลัน และ ปวดเรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังโดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุหรือปัจจัยต่างๆ ที่มากระตุ้นทำให้มีอาการปวดหลัง เช่น การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่หนักเกินไป การเคลื่อนไหวผิดลักษณะ แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่มีอาการปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น การพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาอาการปวดหลังเป็นสิ่งสำคัญ โดยสาเหตุหรือกลุ่มโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมาอาการปวดหลัง ได้แก่

  • กล้ามเนื้อหรือเอ็นอักเสบ (Muscle Strain or Ligament Sprain) การอักเสบของกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณหลัง พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับกิจกรรมที่หนักเกินไป เช่น ก้มตัวยกของหนัก การนั่งอยู่ท่าเดิมนานๆ การเคลื่อนไหวผิดท่าด้วยความรวดเร็ว รวมถึงการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

  • โรคของหมอนรองกระดูก ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเรื้อรัง และมักมีอาการซ้ำได้บ่อยๆ ส่วนอาการปวดหลังร่วมกับอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดร้าวลงขา ขาชา หรืออ่อนแรง มักสัมพันธ์กับภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

  • อาการปวดหลังที่สัมพันธ์กับความเสื่อมของกระดูกสันหลัง ได้แก่ ภาวะกระดูกพรุน ภาวะกระดูกสันหลังคด หรือค่อม ผิดรูป

  • ภาวะปวดหลังจากสาเหตุอื่นๆ
    • ปวดหลังจากกระดูกหัก ไม่ว่าจะเป็นการหักแบบธรรมชาติ (Physiologic Fracture) ได้แก่ กระดูกสันหลังหักจากอุบัติเหตุทั่วๆ ไป หรือ กระดูกหักแบบผิดธรรมชาติ (Pathologic Fracture) เช่นกระดูกหักจากการติดเชื้อกระดูกสันหลัง วัณโรคกระดูกสันหลัง หรือหักจากเนื้องอก มะเร็ง
    • ปวดหลังจากการข้อต่ออักเสบ (Arthritis) เช่น ข้อต่อแฟเซทอักเสบ (Facet Arthritis) การอักเสบระหว่างข้อต่อที่เชื่อมกระดูกสันหลังและเชิงกราน (SI Joint Arthritis) ปวดหลังจากโรคข้อต่อหลังเชื่อมติดกัน (Ankylosing Spondylitis)
    • ปวดหลังจากการติดเชื้อของกระดูกสันหลัง
    • ปวดหลังจากเนื้องอก หรือมะเร็งกระดูก

ปวดหลังแบบไหนอันตรายต้องรีบพบแพทย์

  • ปวดหลังต่อเนื่อง และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 4 สัปดาห์
  • ปวดหลังที่เกิดจากอุบัติเหตุรุนแรง เช่น อุบัติเหตุจราจร ตกจากที่สูง
  • ปวดหลังร่วมกับความผิดปกติของระบบประสาท เช่น ปวดหลังร่วมกับอาการปวดร้าวลงขา ชาขา หรืออ่อนแรงของขา
  • ปวดหลังร่วมกับการควบคุมการขับถ่ายที่เสียไป เช่น สูญเสียการกลั้นอุจจาระ/ปัสสาวะ
  • ปวดหลังร่วมกับอาการไข้ น้ำหนักลด

เปลี่ยนเกมธุรกิจ พลิกเป็นผู้ชนะ

 เปลี่ยนเกมธุรกิจ พลิกเป็นผู้ชนะ

เปลี่ยนเกมธุรกิจ พลิกเป็นผู้ชนะ แบรนด์และธุรกิจในปัจจุบันล้วนต้องเปลี่ยนกติกาใหม่ เพราะตระหนักว่าสภาวะเดิมๆจะถูกเบียดตกขอบด้วยโลกที่รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ที่ซึ่งไอเดียเป็นอาวุธเขย่าทุกตลาด และคนที่ชนะคือผู้ที่กำหนดอนาคตด้วยวิสัยทัศน์ของตัวเอง

การหยุดความเปลี่ยนแปลงในตลาดย่อมต้องอาศัยการกระทำชนิดพลิกโลก การเปลี่ยน ขั้วอำนาจและแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อการการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดจากการต่อยอดความรู้เดิมและความเป็นไปได้ใหม่ๆ วิธีการแบบค่อยเป็นค่อยไปตามแนวนโยบายเดิมนั้นไม่พอสำหรับการชนะเกมใหม่นี้

มีธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโลกอยู่ในขณะนี้ แต่วิธีคิดที่ใหญ่กว่า ฉลาดกว่าก็ต้องชนะด้วยวิธีการใหม่ๆ คุณมีเครื่องมือที่จะช่วยเปลี่ยนเกมในมือหรือไม่ คุณพร้อมแล้วหรือยัง

ธุรกิจรุ่นต่อไปจะชนะการแข่งขัน ด้วยการเปลี่ยนกติกาการเล่นเกม พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ “ดีกว่านิดหน่อย” เท่านั้น พวกเขามีความคิดที่ใหญ่กว่านั้น... มองสิ่งรอบตัวด้วยสายตาที่แตกต่าง และคิดต่าง… กำ หนดและสร้างตลาด ในวิสัยทัศน์ของตัวเอง พวกเขาจะผสมผสานทุกลูกเล่นของ โลกธุรกิจในศตวรรษที่ 21 เข้าด้วยกัน เพื่อดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน... เพื่อความเป็นไปได้ที่มากขึ้นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และเพื่อชัยชนะ 

Cookies ในเว็บบราวเซอร์ คุกกี้คืออะไรกันแน่ ?

 Cookies บราวเซอร์

ใครที่ท่องเน็ตเข้าเว็บเป็นประจำคงคุ้นหูกับคำว่าคุกกี้ (Cookies) กันมาบ้าง ประโยชน์ของมันมีหลายอย่าง เช่น ช่วยให้เราไม่ต้องล็อกอินเข้าเว็บที่เคยเข้าไปดู ช่วยกรอกแบบฟอร์มที่เคยกรอกไปแล้ว หรือที่ชัดเจนมากคือมันทำให้เว็บต่างๆ แสดงข้อมูลในแบบที่เราชอบ) แต่อันตรายของมันก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการสปายแอบเก็บข้อมูลของคุณ เพื่อส่งโฆษณามาในเครื่องหรือบางครั้งอาจถูกสวมรอยบัญชีส่วนตัวได้ด้วย
 
Cookies ในภาษาคอมพิวเตอร์ คือ HTTP Header รูปแบบที่ประกอบไปด้วยข้อความ Text ตามแต่ละเว็บไซต์และจะถูกบันทึกลงบนบราวเซอร์ของเราเมื่อเราแวะเข้าไปชมเว็บนั้นๆ โดยจุดประสงค์หลักก็คือการทำให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถจัดเก็บข้อมูลบางอย่างไว้ที่เว็บบราวเซอร์ของผู้ใช้งาน เช่น ข้อมูลแบบฟอร์มที่เคยกรอก ข้อมูลที่บันทึกว่าเคยมีการเข้ามาที่เว็บแห่งนี้ ข้อมูลการตั้งค่าต่างๆ ของเว็บไซต์


Cookies มี 2 ประเภทคือ
1. Cookies ของเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมเป็นผู้สร้างขึ้น
2. Cookies ของ Third-Parry หรือเว็บบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์อื่นๆ ที่เป็นเจ้าของเนื้อหาบางอย่างเช่นโฆษณา เป็นผู้สร้างขึ้น