ภาพที่น่าสนใจของ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศจากทั่วโลก

เพราะโลกนี้มีขอบเขต เราจึงสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ยินคำว่า เขตแบ่งพรมแดน เรามักจะนึกถึงภาพทหารหน้าตาขึงขัง ต้องมีเวรยามแน่นหนา ป้องกันการลักลอบเข้าออก ขึงลวดหนามและตรวจหนังสือเดินทางอย่างเคร่งครัด แต่รู้อะไรไหม ในหลายประเทศ เส้นเขตแดนกลับเป็นอะไรที่ธรรมดามาก อย่างถนนที่เราเดิน หรือเเม้แต่เส้นทางชนบท บ้างก็แบ่งเขตแดนกันด้วยธรรมชาติ ภูเขา แม่น้ำ ลองมาดูภาพพวกนี้กันดีกว่า แล้วคุณจะลืมนึกถึงลวดหนาม หรือเขตชายแดนแบบเดิมๆ ไปเลย

 

1 ชาวอเมริกา และ ชาวเม็กซิโก ผู้อาศัยอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง กำลังเล่นวอลเลย์บอลกระชับมิตรผ่านรั้วกั้น


2 น้ำตกเต๋อเทียน พรมแดนเวียดนามและจีน


3 นอร์เวย์ และ สวีเดน


4 โปแลนด์ และ ยูเครน


5 สโลวาเกีย ออสเตรีย และ ฮังการี


6 เนเธอแลนด์ และ เบลเยียม


7 พรมแดนเอเชีย และ ยุโรปในรัสเซีย

SJW คือ ใคร ทำไมเสียงของพวกเขาถึงมีพลังขนาดกดดันบริษัทเกมหรือการ์ตูนได้

SJW คือ

ถ้าใครได้ตามดราม่าวงการเกมหรือการ์ตูน น่าจะเคยได้ยินคำว่า SJW กันมาบ้าง อย่างล่าสุดก็เรื่องของเกมนินเทนโด้สวิทซ์ที่ชื่อ Sense : A Cyberpunk Ghost Story เกมแนวสยองที่มีคาแรกเตอร์แนวเซ็กซี่ ที่ถูก SJW เข้าไปรุมวิจารณ์และพยายามกดดันทางทางนินเทนโด้ให้ถอดเกมนี้ออกจากสโตร์เพราะตัวละครเซ็กซี่ มีหน้าอกใหญ่ ทั้ง ๆ ที่เกมมีการจัดเรต 17+ เรียบร้อยแล้ว


แต่ SJW เป็นใคร ทำไมเสียงของพวกเขาถึงมีพลังขนาดกดดันบริษัทเกมหรือการ์ตูนได้ วันนี้หนูเมย์จะมาสรุปให้ฟัง

SJW คือ คำย่อของชื่อ Social Justice Warrior ที่เป็นกลุ่มคนที่ใช้พื้นที่บนโลกออนไลน์ออกมาเรียกร้อง “ความเท่าเทียม” ทั้งเรื่องการสนับสนุนสิทธิสตรี คุ้มครองเด็ก และต่อต้านการเหยียดสีผิว ชาติพันธุ์ หรือรสนิยมทางเพศ ซึ่งฟังดูแล้วก็เหมือนว่าเหล่า SJW จะเป็นฝ่ายธรรมะเลย แต่ทำไมกระแสในฝั่งของชาเกมและการ์ตูนถึงดูรังเกียจพวกเขาแบบนั้นล่ะ?

คำตอบคือ พฤติกรรมของ SJW นั้นเป็นแบบความถูกต้องที่สุดโต่งเอามาก ๆ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามแนวคิดของพวกเขาไปซะไปหมด แม้ว่าเซ็ตติ้งของมันจะไม่เหมาะก็ตาม จะถ้าพูดให้เห็นภาพก็เช่น คุณเป็นค่ายเกมแห่งหนึ่ง ทำเกมแนวแฟนตาซีที่ฉากอยู่ในยุโรปเหนือ พระเอกเป็นนักล่าปีศาจหนุ่มเจ้าสำราญมีพวกพ้องสาวสุดเซ็กซี่ ไปช่วยเจ้าหญิงที่ถูกจับไว้โดยพวกปีศาจ

รวมภาพบ้านหลากสไตล์ และความคิดสร้างสรรค์

 ภาพไอเดียบ้านดีไซน์น่าอยู่หลากสไตล์ และความคิดสร้างสรรค์ ขนาดพอเหมาะสำหรับครอบครัว ที่มีความใกล้ชิดธรรมชาติ มีพื้นที่โดยรอบบ้านสำหรับปลูกต้นไม้เปิดรับพื้นที่สีเขียว อีกทั้งมีการใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งอีกด้วย เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาและเป็นแนวทางในการออกแบบบ้าน



ป้ายโฆษณาบิลบอร์ดที่ถูกออกแบบมา จนเราต้องสะดุดตาทุกครั้งที่มอง

มีป้ายโฆษณาบิลบอร์ดแบบไหนถึงจะสะกดตาโดนใจคุณได้บ้าง แน่นอนว่ามันต้องถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ จนเราต้องสะดุดตาทุกครั้งที่มองไปที่ป้ายเหล่านี้ มาดูกันว่าป้ายไหนจะเป็นที่หนึ่งในใจคุณมากที่สุด 

 

1. ป้ายบิลบอร์ดของแม็กโดนัลด์ ที่เป็นทั้งป้ายโฆษณาและโรงแรมของผึ้งเพื่อสนับสนุนเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ

 ป้ายโฆษณา


2. โฆษณาซีรีย์ Dracula ของ BBC ที่ทำให้คุณสับสนในเวลากลางวัน และเข้าใจแจ่มชัดในเวลากลางคืน

 ป้ายโฆษณา

3. “ขอโทษนะ งบโฆษณาของเราทั้งหมดถูกใช้ไปกับการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว” 

 ป้ายโฆษณา

4. โฆษณาสารคดีของ BBC World ที่บอกให้เรามองเรื่องราวจากทั้ง 2 ฝั่ง 

 ป้ายโฆษณา

รวมภาพความฮาจากโซเชียล ที่จะทำให้คุณอารมณ์ดี

ในทุกๆ วัน เรามีโลกโซเชียลเพื่อผ่อนคลาย และมอบความสุขให้กับตัวเอง ขอเพียงแค่เรานั่งลงและผ่อนคลาย เปิดดูรูปฮาๆ ที่จะมาทำให้วันที่หม่นหมองของเพื่อนๆ กลับกลายมาเป็นวันที่แสนสดใสเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแทน มาคลายเครียดกันดีกว่า

วันนี้เรามีภาพฮาๆ น่ารักๆ จากโลกโซเชียลมาฝากกัน เป็นภาพกับเรื่องราวที่จะทำให้ผู้อ่านมีรอยยิ้ม ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ไปชมกันเลย

 

สมองของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า

 

ตอนไปเรียนเป็นคนเรียบร้อย แต่ตอนไปเที่ยวก็อีกเรื่องนึง


ปัญหาของการใส่กางเกงขาดๆ เข้าใจว่าเป็นกันทุกคน



ได้ฟังเพื่อนพูดแบบนี้ก็สบายใจหน่อย มีกำลังใจขึ้นเยอะ


TOR browser (เครือข่ายนิรนาม) คืออะไร

 

TOR browser คืออะไร เป็นเบราว์เซอร์ที่จะทำให้ปกปิดตัวตนขณะใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างแนบเนียน จะไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร เล่นเว็บไซต์อะไร ใช้อีเมล์อะไร ติดต่อกับใคร ทุกอย่างจะมองไม่เห็น หากทำการตรวจสอบขึ้นมา 

 

TOR browser เค้ามีไว้ทำอะไร ส่วนใหญ่คนที่เล่นอินเตอร์เน็ตด้วยวิธีการแบบนี้ มักจะมีเหตุผลสำคัญก็คือการไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนเพื่อทำอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นแฮคเกอร์เพื่อเข้าไปล้วงความลับของใครสักคน หรือ จะปกปิดตัวตนเพื่อเข้าไปเล่นเว็บไซต์ใต้ดิน ไม่ว่าจะเป็นซื้อขายของผิดกฎหมาย ยาเสพติด และอีกมากมายที่เคยเป็นข่าวครึกโครมไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ด้วยทางหนึ่ง

 

TOR browser มีข้อเสียไหม บอกเลยว่ามี อย่างแรกการเล่นอินเตอร์เน็ตของเราจะช้ากว่าการเล่นปกติมาก เนื่องจากจะต้องส่งผ่านข้อมูลไปหลายครั้งกว่าจะไปถึงเว็บไซต์เป้าหมายได้ จึงไม่แปลกที่เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตผ่านเบราวเซอร์ตัวนี้ เครื่องจะทำงานหนักมาก ช้ามาก จนทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดเวลาเล่นได้ สองการถ่ายข้อมูลไปมาอาจจะทำไห้ข้อมูลของเรารั่วไหลได้ทั้งอุบัติเหตุและตั้งใจ 

 

TOR browser อันตรายหรือไม่ อันนี้หากตอบในแง่มุมของคนใช้งานที่ไม่มีความรู้ทางด้านการป้องกันตัวเองจากอินเตอร์เน็ต จากเหล่าแฮ็คเกอร์ล่ะก็ บอกได้เลยว่าอันตรายมาก การเลือกใช้วิธีนี้อาจจะทำให้เหล่าแฮ็คเกอร์สวมรอยตามรอยเข้ามาทำอันตรายเราทางโลกไซเบอร์ได้เหมือนกัน สองแม้การใช้งานตัวนี้อาจจะทำให้เครื่องเซิฟเวอร์มองไม่เห็นว่าเราทำอะไรบนโลกไซเบอร์ แต่เค้าก็เห็นการใช้งานอยู่ดี หากทางการตรวจสอบขึ้นมาบอกเลยว่าเราจะโดนหนักกว่าเดิมอีก เพราะมันส่อเจตนาชัดเจนว่าต้องการปกปิดเรื่องที่ไม่ดีบางอย่างเอาไว้ หากเทียบกับกฎหมายไซเบอร์ที่กำลังจะออกมา เราอาจจะโดนเชิญตัวไปพูดคุย รวมถึงโดนยึดอุปกรณ์ไปตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย ซึ่งนั้นเป็นเรื่องอันตรายต่อตัวเองอย่างมาก ขอแนะนำว่าหากไม่จำเป็นจริงๆอย่าใช้จะดีกว่าแต่ถ้าปกปิดตัวตน เส้นทางได้ดีก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง

เปิดตำนาน Loftus Hall บ้านเฮี้ยนที่สุดแห่งไอร์แลนด์

 

Loftus Hall

Loftus Hall คือสถานที่เฮี้ยนชื่อดังที่กลายเป็นจุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวผู้แวะไปเยี่ยมเยียนไอร์แลนด์ต้องลองสัมผัส เรียกได้ว่าที่แห่งนี้คือหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งในเชิงการบันทึกเรื่องราวและสถาปัตยกรรม ฮอลล์แห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย และไม่แปลกเลยที่สิ่งปลูกสร้างอายุมากขนาดนี้จะมีเรื่องราวเล้นลับให้เล่าขานต่อกัน และเรื่องสำคัญก็ไม่พ้นเรื่องผีสาง

บริเวณ Hook Peninsula ในปัจจุบัน

     ย้อนกลับไปกว่า 800 ปีบริเวณนี้เป็นปราสาทแถบ Hook Peninsula ย่านเว็กซ์ฟอร์ด เป็นพื้นที่ของ Raymond Les Gros (เปลี่ยนนามสกุลเป็น Redmond เพื่อเข้ากับชื่อแบบไอริชในเวลาต่อมา) ก่อนที่หลังจากนั้นเกือบ 200 ปี ช่วง “Black Death” ครอบครัวเรดมอนด์ก็ได้สร้างแมนชั่นขนาดมหึมาในชื่อ “Redmond Hall” เพื่อทดแทนปราสาทเก่าที่ทรุดโทรมลงเต็มทนแล้ว ครอบครัวเรดมอนด์ครองทรัพย์สมบัติชิ้นนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นนานถึง 310 ปี ก่อนจะขายทอดให้กับครอบครัว Loftus และเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดียวกับชื่อในปัจจุบัน

ความน่ากลัวของ Loftus Hall ในยามเย็น / ภาพ: Authentic Ireland

     จนกระทั่งปี 1775 เรื่องราวสุดพิศวงก็เกิดขึ้นและทำให้ลอฟตัสฮอลล์กลายเป็นตำนานแห่งประเทศไอร์แลนด์ มีบันทึกเรื่องราวพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า Anne หญิงสาววัยเด็กในครอบครัวใหญ่อยู่บ้านพร้อมกับ Charles Tottenham คุณพ่อ และภรรยาใหม่อย่าง Jane Cliffe ตกดึกคืนนั้นคนอื่นในครอบครัวล้วนไม่อยู่บ้าน มีเพียง 3 คนดังกล่าวเฝ้าแมนชั่นโอ่โถงนี้ ทันใดนั้นระหว่างเกิดพายุมีเรือปรากฏขึ้นที่ชายฝั่งและพบเห็นชายคนหนึ่งกำลังประสบชะตากรรมอันโหดร้าย ชาร์ลส์จึงเปิดให้เขาเข้ามาหลบภัย มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องน้ำใจงามและจบลงด้วยดี แต่เรื่องราวมันไม่จบง่ายๆ

ห้องที่ให้อารมณ์ขนหัวลุกอย่างยิ่งใน Loftus Hall / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย

 

เงินลงทุน
 ประมาณ 2,000 บาท รายได 250 บาท / แป้ง 1 กิโลกรัม วัสดุ / อุปกรณ์กะละมังพลาสติก
ถาด ถ้วยตวง เครื่องตีไข่ ตาชั่ง ถ้วยกระดาษ ถ้วยอลูมิเนียม ไม้พายยาว ถ้วย ช้อนแกง ตะแกรงร่อน
แป้ง

ส่วนผสม
 แป้งสาลีตราบัวแดง 800 กรัม ผงฟู 4 ช้อนชา น้ำตาลทรายขาว 700 กรัม S.P. (เอส.พี) 8
ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง นมจืด 1 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 4 ฟอง น้ำมะนาว 6 ช้อน วานิลลา1 ช้อนชา สี
ผสมอาหาร
 

วีธีทำ
1. นำแป้งกับผงฟูคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำไปร่อนด้วยตะแกรงเสร็จแล้วนำไปตากแดดทิ้งไว้
2. นำน้ำสะอาดใส่กะละมัง เติม S.P. ลงไป จากนั้นใช้เครื่องตีไข่ ตีให้ S.P. ละลายกับน ้า เติม
น้ำตาลทราย นมจืดและไข่ไก่ ใช้เครื่องตีอย่างต่ำ 20 นาทีขึ้นไป ให้ขึ้นฟูเป็นเนื้อครีม จากนั้นเติมน้ำ
มะนาว วานิลลา และตีต่อให้ส่วนผสมเข้ากัน
3. นำแป้งที่ตากแดด มาใส่ลงในส่วนผสมที่ตีไว้กวนด้วยไม้พายบางให้เป็นเนื้อเดียวกัน
ทั้งหมด หากอยากให้ขนมเป็นสีขาวก็ไม่ต้องเติมสีแต่ถ้าจะให้เป็นหลายสีก็แบ่งใส่ถ้วยแล้วใส่สีผสม
อาหารลงไปเล็กน้อย
4. เตรียมถาดอลูมิเนียมพร้อมกับนำถ้วยกระดาษใส่ลงในถ้วยอลูมิเนียมจากนั้นนำแป้งที่
เตรียมไว้มาหยอดใส่ถ้วยขนม โดยใช้ช้อนแกงตักหยอดให้เต็มถ้วยขนมปุยฝ้าย (ต่อ)
5. นำขนมวางเรียงบนลังถึงให้เต็ม ยกขึ้นตั้งบนน้ำเดือด นึ่งนานสัก 5 นาที ก็ยกลง ถอดถ้วย
อลูมิเนียมออกจากถ้วยขนม ทิ้งไว้ให้เย็นบรรจุถุงขาย

ข้อแนะนำ
1. เวลาตีแป้งต้องตีไปทางเดียวกัน ห้ามตีย้อนไปย้อนมาเพราะส่วนผสมจะละเอียดไม่
เท่ากัน และต้องตีด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอกัน
2. เวลานึ่งต้องให้น้ำเดือดจัด และนึ่งครั้งต่อไปต้องเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่ในฝาลังถึงก่อนปิดฝา
ทุกครั้ง ไม่อย่างนั้น ไอน้ำจะหยดลงใส่ขนมทำให้ขนมไม่สวย และเป็นก้อนแป้งแข็ง
3. หากต้องการให้ขนมมีสีสันสวยงามแปลกตาก็ให้หยอดถ้วยละ 2 สี

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มัมมี่

 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มัมมี่

มัมมี่คือศพที่ไม่เน่าเปื่อย มัมมี่ธรรมชาติเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ทางธรรมชาติ เช่น การแช่แข็ง การตากแห้ง หรือการแช่น้ำ ส่วนมัมมีเทียมคือมัมมี่่ที่มนุษย์ตั้งใจทําขึ้นโดยใช้วิธีการต่างๆ เพื่อรักษาสภาพศพไม่ให้เน่าเปื่อย มัมมี่เทียมซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ มัมมี่ที่ทําขึ้นในอียิปต์โบราณ เมื่อนานมาแล้ว นักเดินทางจากเปอร์เซีย (ปัจจุบันคืออิหร่าน) คิดว่าสารเหนียว ๆ สีดําที่เรียกว่าบิกิวเมนคือวัตถุดิบ ที่ใช้ทํามัมมีอียิปต์ ภาษาเปอร์เซียของคําว่าบิกิวเมนคือมัมเมีย ซึ่งเป็นที่มาของคําว่า “มัมมี" ในภาษาอังกฤษ

มัมมี่เทียมยุคแรกเกิดขึ้นเมื่อ 7,000 ปีมาแล้ว โดยชาวซินชอร์โร แห่งทวีปอเมริกาใต้ ชนกลุ่มนี้ได้ชื่อ ตามสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศชิลี ณ ที่แห่งนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้พบ ร่องรอยการดําเนินชีวิตของชาวชินชอร์โร พวกเขาเป็นชาวประมงที่อยู่รวมกันเป็น ชุมชนเล็กๆ ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก

เชื่อกันว่า ชาวซินซอร์โรทํามัมมีขึ้นเพราะ เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย พวกเขาพยายาม ทําให้มัมมี่ดูเหมือนมีชีวิตมากที่สุด ซึ่งแสดงให้ เห็นว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ร่างกายของคนผู้นั้น เน่าเปื่อย บางทีคนกลุ่มนี้อาจเชื่อว่าคนตาย จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นได้หากศพได้รับการรักษาไว้

ในการทํามัมมี่ ชาวซินซอร์โรจะนํา อวัยวะภายในทั้งหมดออกจากศพเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเลาะเนื้อและหนังออกจากกระดูก ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง แล้วจึงใช้ไม้เล็กๆ ผูกติด กับแขน ขา และกระดูกสันหลัง เพื่อยึด กระดูกส่วนต่างๆ ไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงนําโคลน สีขาวมาพอกบนโครงกระดูกเพื่อทําให้เป็นรูปเป็นร่าง นําผิวหนังบริเวณใบหน้ากลับไปปะไว้ที่เดิม เช่นเดียวกับหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อโคลนแห้งแล้ว จึงทาด้วยสีดําหรือแดง


มัมมีมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุด ของยุโรปรู้จักกันในชื่อมนุษย์น้ำแข็ง เขาเสียชีวิตเมื่อประมาณ 5,300 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงปลายยุคหิน นักปีนเขา พบร่างของเขานอนคว่ำหน้าอยู่บน ธารน้ำแข็งบริเวณตอนเหนือ ของอิตาลีเมื่อปี 1991

น้ำแข็งช่วยรักษาเสื้อผ้าของมัมมี่ ด้วยเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ ได้เห็นการแต่งกายของมนุษย์ยุคหิน มนุษย์น้ำแข็งสวมเครื่องห่อหุ้มขาและรองเท้า ทําจากหนังสัตว์ สวมเสื้อคลุมหนังแพะ หมวกหนังหมี และผ้าคลุมทําด้วยหญ้าถัก สิ่งเหล่านี้ช่วยให้มนุษย์น้ำแข็งอบอุ่น ท่ามกลางอากาศอันเหน็บหนาว


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มัมมี่


เรื่องน่ารู้ของญี่ปุ่น

เรื่องน่ารู้ของญี่ปุ่น


เรื่องน่ารู้ของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะนับพันเกาะ เรียงกันเป็นแนวยาวอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเอเชีย มีพื้นที่ทั้งหมด   377,727 ตารางกิโลเมตร มีกรุงโตเกียวเป็นเมืองหลวง ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดก็คือ รัสเซีย เกาหลี และ จีน แม้ว่ารัสเซียจะเข้ายึดครองเกาะคริลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 แต่ญี่ปุ่นก็ได้เรียกร้องสิทธิกลับคืนมาได้สำเร็จ ประเทศญี่ปุ่นอยู่ห่างจากเกาหลีเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากจีน 750 กิโลเมตร

กิโมโน (Kimono) ของชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจะเป็นเสื้อผ้าแบบด้านเดียวในอดีตกิโมโนที่ใส่ประจำทุกวันจะทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ปัจจุบันกิโมโนที่ใส่ในโอกาสพิเศษต่างๆ จะทำจากผ้าไหมแล้วตกแต่งด้วยการย่อมหรือปักลวดลายให้สวยงาม ผู้หญิงวัยรุ่นมักสวมกิโมโนที่มีสีสดใสและมีลวดลายใหญ่ ส่วนหญิงมีอายุจะใส่สีเข้มและมีลวดลายเล็ก ๆ แขนเสื้อยาวใช้แทนกระเป๋า ในขณะทำงานบ้านแม่บ้านจะผูกแขนเสื้อนี้ไว้ข้างหลังปัจจุบันชาวญี่ปุ่นมักจะใส่กิโมโนเฉพาะในโอกาศพิเศษเช่นงานแต่งงานหรือในวันปีใหม่เท่านั้น

ก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 คนญี่ปุ่นทั้งประเทศต่างพากันชูมือร้องตะโกนนโยบาย “ เศรษฐกิจรุ่งเรืองกองกำลังทหารเข้มแข็ง” แต่หลังจากการยอมรับความปราชัยในสงครามเสียงพร่าร้องเหลือเพียง“ เศรษฐกิจรุ่งเรือง”  ไม่มี “ กองกำลังทหารเข้มแข็ง” อีกต่อไป ในปัจจุบันคนญี่ปุ่นครึ่งประเทศคิดว่าตนมีฐานะเหนือกว่าคนยุโรปหรือพวกฝรั่ง และในชีวิตไม่หวังที่จะเป็นเศรษฐี หากหวังว่า ชีวิตจะสามารถทำตามใจตนเองได้เสียทีโดยไม่ถูกรัฐ สังคม ครอบครัว กดดัน

เทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวญี่ปุ่นคือ เทศกาลปีใหม่ ในวันปีใหม่ครอบครัวส่วนใหญ่ไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเพื่อขอพรให้มีสุขภาพแข็งแรง และเพื่อเป็นสิริมงคลในปีที่กำลังจะมาถึง อาหารสำหรับฉลองในวันปีใหม่จะจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อที่คนทำจะได้สามารถร่วมฉลองด้วย ผู้คนจะเริ่มส่งการ์ดอวยพรปีใหม่กันตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม แต่ทางไปรษณีย์จะเก็บเอาไว้และจัดส่งถึงมือผู้รับในวันปีใหม่พอดีโดยกลุ่มนักเรียนที่มารับจ้างทำงานพิเศษ